วันอังคารที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

หัวใจผูกกัน

เพลงหัวใจผูกกัน เป็นเพลงที่ใช้ในการแสดงความรัก มักเปิดในงานแต่งงาน หรืออีกนัยหนึ่งคือกรสัญญาเช่นท่อนที่ว่า "เราจะมีกันและกันเป็นหนึ่งในดวงในตลอดไป..." คอนเซ็ปงานนี้คือ ชายหญิงจำนวน4คู่ที่เป็นคู่รักกัน แสดงความรักให้กันในแบบต่างๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่นการที่ต้องอยู่ห่างไกลจากคนที่ตัวเองรัก ความรักระหว่างเพื่อนสนิท การร่วมทุกข์ร่วมสุขกัน แต่สุดท้ายทุกคนทุกคู่ก็มีความสุขกับความรักของตนเอง และมีกันและกันเป็กหนึ่งในดวงใจตลอดไป.."เพราะหัวใจเราผูกกัน"



ขั้นตอน






วันเสาร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

Pyotr Ilyich Tchaikovsky ปีเตอร์ อิลิซ ไชคอฟสกี

Pyotr Ilyich Tchaikovsky
Пётр Ильи́ч Чайко́вский




ประวัติโดยสังเขป
                   
          วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2383 (ค.ศ. 1840) ปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี นักประพันธ์เพลงชื่อดังชาวรัสเซีย ได้ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองว็อทกินสค์ (Voltkinsk) เขาเป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 5 คน ของ อิลยา เปโตรวิช และอเล็กซานดร้า ไชคอฟสกี เส้นทางชีวิตนักดนตรีของ Pyotr Ilyich Tchaikovsky ไม่ได้เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เขายังเยาว์เช่นคนอื่น ๆ เพราะ ปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี ต้องเลือกเรียนกฎหมายตามความต้องการของผู้เป็นพ่อจนกระทั่งจบปริญญาตรี

          จากนั้น ปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี Pyotr Ilyich Tchaikovsky ก็เริ่มงานรับราชการสายกฎหมายในกระทรวงยุติธรรมของรัสเซีย ซึ่งในช่วงนี้เองที่เขาหาเวลาว่างเรียนรู้ดนตรีที่สนใจมาตั้งแต่เด็ก ๆ  ก่อนจะหันมาศึกษาการเรียบเรียงเสียงประสานสำหรับวงออร์เคสตราอย่างจริงจัง ในสถาบันดนตรีแห่งเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ภายใต้การดูแลของแอนตอน รูเบนสไตน์

          เมื่อฝึกปรือวิชาการทางดนตรีจนอยู่ในระดับดีเข้าขั้นแล้ว Pyotr Ilyich Tchaikovsky ก็ถูกเรียกตัวไปเป็นครูสอนวิชาเรียบเรียงเสียงประสานให้แก่น้องชายของรูเบนสไตน์ที่กรุงมอสโก และที่กรุงมอสโกนี้เอง ปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี ได้ประพันธ์ผลงานเพลงชิ้นสำคัญ "ซิมโฟนี หมายเลขหนึ่ง" หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า "ความฝันในเหมันตฤดู" ขึ้นในปี  พ.ศ. 2409 (ค.ศ. 1866)

          ต่อมาในปี พ.ศ. 2420 (ค.ศ. 1877) ปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี ได้ตัดสินใจสมรสกับลูกศิษย์สาวของตัวเอง เพื่อมุ่งมั่นที่จะแก้ข้อขัดแย้งในตัวเองว่าเขาเป็นพวกรักร่วมเพศหรือไม่ ท่ามกลางเสียงเล่าอ้างว่าทั้งสองคนอยู่กันโดยไร้ความรัก และแล้วชีวิตแต่งงานของ Pyotr Ilyich Tchaikovsky ก็พังล้มไม่เป็นท่า ทำให้เขาคิดฆ่าตัวตายอยู่หลายครั้ง จนกระทั่งอารมณ์มั่นคงขึ้นในปี พ.ศ. 2423 (ค.ศ. 1800)

          หลังจากนั้น Pyotr Ilyich Tchaikovsky ได้ออกเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ ทั่วทวีปยุโรป ซึ่งนั่นสร้างแรงบันดาลใจในการประพันธ์ผลงานเพลงให้ ปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี ได้ดีเยี่ยม ผลงานอันลือเลี่องของเขาเกิดขึ้นมากมายหลายชิ้น ทั้งเพลงบัลเลต์, ซิมโฟนี, เพลงโหมโรง, คอนแชร์โต้, โอเปร่า แชมเบอร์มิวสิค รวมถึงบทเพลงสำหรับเปียโน โดยเฉพาะเพลงบัลเลต์ที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่าง เพลงเพลงบัลเลต์ ทะเลสาบหงส์ขาว (สวอนเลค), เจ้าหญิงนิทรา (เดอะ สลีปปิง บิวตี้) และคีมกระเทาะเปลือกลูกนัท  (เดอะ นัท แครกเกอร์)

          อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ ปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี Pyotr Ilyich Tchaikovsky ยังมีชีวิตอยู่เขาไม่เคยได้รับเกียรติอย่างจริงจังจากชาวรัสเซียเลย ตรงกันข้ามกับทางยุโรปและอเมริกา ที่นิยมชมชื่นในตัวเขาเป็นอย่างมาก จนมีคนกล่าวว่า ชีวิตของ ปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี นั้นเหมือนนิยายยิ่งนัก เพราะในยามลำบาก ก็มีเพียงที่ซุกหัวนอน และมีอาหารเพียงปะทังความหิว

          แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังได้รับโอกาสดี ๆ จาก มาดามฟอน เมค (Nadezhda von Meck) เศรษฐีนีหม้ายผู้มั่งคั่ง เธอให้เงินสนับสนุน ปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี โดยไม่เคยหวังผลตอบแทนใด ๆ เพราะเธอมีความสุขที่ได้มีโอกาสสนับสนุนผู้อื่นให้ทำงานที่เธออยากทำแต่ทำไม่ได้ เพราะเธอเคยใฝ่ฝันที่จะเป็นนักประพันธ์ดนตรีแต่ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นเธอจึงทดแทนส่วนนี้ด้วยการสนับสนุน Pyotr Ilyich Tchaikovsky

          เป็นเรื่องน่าเศร้าที่ ปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี จบชีวิตในช่วงที่เขากำลังโด่งดัง ในฐานะคีตกวีคนสำคัญที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างดนตรีตะวันตกกับดนตรีรัสเซีย ทั้งนี้ Pyotr Ilyich Tchaikovsky ถึงแก่กรรมด้วยอหิวาตกโรคอันเกิดจากความไม่เฉลียวใจหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เขาไปเปิดน้ำประปาที่ก๊อกมาดื่มโดยไม่ได้ต้ม ซึ่งขณะนั้นที่เมืองเซ็นต์ปีเตอร์สเบริ์กมีโรคระบาดพอดี และในที่สุดเขาก็จากไปในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2436  (ค.ศ.1893) ขณะอายุได้ 53 ปี



ผลงานชิ้นสำคัญของ
ปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี


บัลเล่ต์


* ทะเลสาบหงส์ขาว โอปุสที่ 20 (พ.ศ. 2418 - 2419)
* เจ้าหญิงนิทรา โอปุสที่ 66 (พ.ศ. 2431 - 32)
* เดอะ นัท แคร้กเกอร์ โอปุสที่ 71 (พ.ศ. 2434 - 35)

ซิมโฟนี


* ซิมโฟนีหมายเลข 1 ในบันไดเสียง จีไมเนอร์ (ความฝันในเหมันตฤดู) โอปุสที่ 13 พ.ศ. 2409 (ค.ศ. 1866)
* ซิมโฟนีหมายเลข 2 ในบันไดเสียง เอไมเนอร์ (ชาวรัสเซียน้อย) โอปุสที่ 17 พ.ศ. 2415 (ค.ศ. 1872)
* ซิมโฟนีหมายเลข 3 ในบันไดเสียง ดีเมเจอร์ (บทเพลงโปแลนด์) โอปุสที่ 29 1875 (ค.ศ. 1875)
* ซิมโฟนีหมายเลข 4 ในบันไดเสียง เอฟไมเนอร์ โอปุสที่ 36 พ.ศ. 2420 (ค.ศ. 1877)
* แมนเฟรด โอปุสที่ 58 (1885)
* ซิมโฟนีหมายเลข 5 ในบันไดเสียง อีไมเนอร์ โอปุสที่ 64 พ.ศ. 2431 (ค.ศ. 1888)
* ซิมโฟนีหมายเลข 6 ในบันไดเสียง บีไมเนอร์ (พาเธติก) โอปุสที่ 74 พ.ศ. 2436 (ค.ศ. 1893)

เพลงโหมโรง

* พายุ, โอปุสที่ 76 พ.ศ. 2407 (ค.ศ. 1864)
* เพลงโหมโรง ในบันไดเสียง เอฟเมเจอร์ (พ.ศ. 2408 แก้ไขเมื่อปี พ.ศ. 2409)
* เพลงโหมโรง ถอดทำนองจากเพลงชาติเดนมาร์ก โอปุสที่ 15 (ค.ศ. 1866 แก้ไขเมื่อปีค.ศ. 1892)
* ฟาตัม โอปุสที่ 77 (ค.ศ. 1868)
* โรมิโอ กับจูเลียต (ค.ศ. 1869 แก้ไขเมื่อปี ค.ศ. 1870, 1880)
* พายุ โอปุสที่ 18 (ค.ศ. 1873)
* เพลงมาร์ชของชาวสลาฟ โอปุสที่ 31 (ค.ศ. 1876)
* ฟรานเซสก้า ดา ริมินี โอปุสที่ 32 (ค.ศ. 1876)
* ชาวอิตาเลี่ยนผู้เอาแต่ใจตนเอง โอปุสที่ 45 (ค.ศ. 1880)
* เซเรนาดสำหรับเครื่องสาย โอปุสที่ 48 (ค.ศ. 1880)
* ปีค.ศ. 1812, โอปุสที่ 49 (ค.ศ. 1880)
* แฮมเล็ต โอปุสที่ 67 (ค.ศ. 1888)
* ลา โวยโวเดอ โอปุสที่ 78 (ค.ศ. 1890 - 91)

คอนแชร์โต้

* คอนแชร์โต้สำหรับเปียโนหมายเลข 1 ในบันไดเสียงบีแฟลตไมเนอร์ โอปุสที่ 23 (ค.ศ. 1874 - 75 แก้ไขเมื่อปี ค.ศ. 1879 และ 1889)
* เซเรนาดแห่งความเศร้า โอปุสที่ 26 (ค.ศ. 1875)
* วาริอาซิยงกับบทเพลงรอคโคโค โอปุสที่ 33 (ค.ศ. 1876)
* วาลซ์-แซโร โอปุสที่ 34 (ค.ศ. 1877)
* คอนแชร์โต้สำหรับไวโอลิน ในบันไดเสียงเร เมเจอร์ โอปุสที่ 35 (ค.ศ. 1878)
* คอนแชร์โต้สำหรับเปียโนหมายเลข 2 ในบันไดเสียง จีเมเจอร์ โอปุสที่ 44 (ค.ศ. 1879-80)
* คอนแซร์ ฟงเตซี โอปุสที่ 56 (ค.ศ. 1884)
* Pezzo Capriccioso โอปุสที่ 62 (ค.ศ. 1887)
* คอนแชร์โต้สำหรับเปียโนหมายเลข 3 ในบันไดเสียง อีแฟลตไมเนอร์ โอปุสที่ 75 (ค.ศ. 1893)
* อานดันเต้ กับ ฟินาเล่ โอปุสที่ 79 (ค.ศ. 1893)

แชมเบอร์มิวสิก


* บทเพลงสำหรับวงสตริงควอเต็ต ในบันไดเสียง บีแฟลตเมเจอร์ (ค.ศ. 1865)
* บทเพลงสำหรับวงสตริงควอเต็ต n° 1 ในบันไดเสียง เรเมเจอร์ โอปุสที่ 11 (ค.ศ. 1871)
* บทเพลงสำหรับวงสตริงควอเต็ต n° 2 ในบันไดเสียง เอฟเมเจอร์ โอปุสที่ 22 (ค.ศ. 1873 - 74)
* บทเพลงสำหรับวงสตริงควอเต็ต n° 3 ในบันไดเสียง อีแฟลตไมเนอร์ โอปุสที่ 30 (ค.ศ. 1876)
* ความทรงจำจากสถานที่สุดรัก, โอปุสที่ 42 (ค.ศ. 1878)
* ทริโอสำหรับเปียโน ในบันไดเสียง เอไมเนอร์ โอปุสที่ 50 (ค.ศ. 1881 - 82)
* ความทรงจำจากเมืองฟลอเร้นซ์ โอปุสที่ 70 (ค.ศ. 1890)

บทเพลงสำหรับเปียโน

          ไชคอฟสกี้ได้ประพันธ์บทเพลงสำหรับเปียโนไว้จำนวนมาก ซึ่งหนึ่งในนั้นได้แก่ ฤดูกาล

โอเปร่า

จากโอเปร่าทั้งสิบเรื่องที่ไชคอฟสกี้ได้ประพันธ์ไว้นั้น มี:
* เยฟเกนี โอเนกิน (Евгений Онегин) (ค.ศ. 1878)
* เด็กน้อยแห่งเมืองออร์เลอง (ค.ศ. 1878 - 79)
* มาเซ็ปป้า (ค.ศ. 1881 - 83)
* อิโอลันตา โอปุสที่ 69 (ค.ศ. 1891)
* ควีนดอกจิก โอปุสที่ 90 (ค.ศ. 1892)

The nutcracker suit

ในยุโรป และอเมริกา มีบัลเล่ต์พร้อมเพลงคลาสสิคแสนไพเราะชุดหนึ่ง นิยมนำมาเล่นฉลองเทศกาล  เนื้อหาเป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นในคืนก่อนคริสต์มาส และที่เหมาะที่สุดก็เป็นเพราะออกมาในรูปของเทพนิยาย จรรโลงความฝันของเด็กๆ บัลเล่ต์และเพลงคลาสสิคที่ว่านี้ ชื่อ “The Nutcracker  Suite”




เรื่องนี้  มีที่มาจากวรรณกรรมสำหรับเด็กชื่อ The Nutcracker and the Mouse King   ผู้ประพันธ์ดั้งเดิมชื่อ E.T.A. Hoffmann  แล้วมีผู้นำเรื่องนี้มาแต่งเรียบเรียงใหม่อีกที 
คนเอามาเขียนใหม่ไม่ใช่ใครอื่น คืออเลกซองดร์ ดูมาส์  นักประพันธ์เอกชาวฝรั่งเศส   เจ้าของเรื่อง The Three Musketeers หรือสามทหาร ต่อมาปีเตอร์ ไชคอฟสกี้ก็ได้รับมอบหมายให้นำเรื่องนี้มาตีความเป็นเพลงชุดประกอบบัลเล่ต์   เขาเองไม่ค่อยเต็มใจกับงานชิ้นนี้นัก  เห็นว่าเนื้อเรื่องมันเครียดหนักและรุนแรงเกินกว่าจะควรเป็นเรื่องฉลองเทศกาลคริสต์มาส  แต่ด้วยอัจฉริยภาพประจำตัว    เขาก็แต่งเพลงทั้งชุดได้จบสมบูรณ์อย่างงดงาม  
บัลเล่ต์เรื่องนี้นำออกแสดงใน ค.ศ. ๑๘๙๒ ที่รัสเซีย ก็ประสบความสำเร็จล้นหลามในข้ามคืน
แล้วแพร่หลายมาถึงประเทศอื่นๆยุโรปและอเมริกา กลายเป็นผลงานที่ได้รับการกล่าวขวัญที่สุดเรื่องหนึ่งของไชคอฟสกี้  อาจจะมากกว่าบทเพลง  The Sleeping Beauty ที่เขาภูมิใจเสียอีก  
จนทุกวันนี้ก็ยังนำมาเล่นฉลองคริสต์มาสกันอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก   แม้ว่าผู้แต่งล่วงลับไปนานแล้วก็ตาม 

วรรณกรรมเรื่องนี้มีหลายเวอร์ชั่น  บัลเล่ต์ก็เหมือนกัน    แสดงรายละเอียดผิดเพี้ยนกันไป สั้นยาวไม่เท่ากัน  ขึ้นอยู่กับการตีความ และความประสงค์ว่าจะแสดงกันเต็มรูปแบบหรือว่าย่อลงมาบ้างเพื่อให้ลงตัวกับเวลา
เรื่องเริ่มต้นขึ้นที่บ้านของสามีภรรยาชาวเยอรมัน ทั้งสองมีลูก ๒ คน คนโตเป็นหญิงชื่อคลาร่า และน้องชายชื่อฟริตซ์ ในคืนก่อนคริสต์มาส ที่มีการให้ของขวัญกัน  ญาติมิตรและเด็กๆพากันมาร่วมงานฉลองเทศกาลตามคำเชิญของเจ้าของบ้านผู้ใจดี  ขณะกำลังสนุกสนานกันอยู่  ไฟก็ดับพรึ่บลงแล้วสว่างขึ้น  ชายลึกลับชื่อดรอสเซลเมเยอร์  เป็นนักมายากลมาเล่นกลให้ดูในงาน ก็ปรากฏตัวขึ้น ดรอสเซลเมเยอร์นำของขวัญมาแจกจ่ายให้เด็กๆทุกคน   ทำให้ดีอกดีใจกันมาก   เว้นแต่คลาร่าซึ่งยังไม่ได้ของขวัญ   เมื่อเธอทวงถาม ดรอสเซลเมเยอร์ล้วงมือลงไปในถุงใหญ่ที่เขาแบกมาก็มีแต่ความว่างเปล่า
เขาบอกว่า...เสียใจ ของขวัญหมดแล้ว
คลาร่าวิ่งร้องไห้น้ำตานองหน้าไปหาแม่ดรอสเซลเมเยอร์จึงเสกของขวัญมาให้เด็กหญิง  มันคือตุ๊กตานัตแครกเกอร์ตัวงามระบายสีเป็นรูปทหาร
ทำให้คลาร่ายิ้มออกทั้งน้ำตา   เธอรับมาอย่างปลื้มปีติ

คนอื่นๆพากันเข้ามาตื่นเต้นกับของขวัญชิ้นใหม่  จนฟริตซ์เกิดอิจฉาขึ้นมา  จึงแกล้งด้วยการเอาลูกนัตให้ตุ๊กตาขบให้แตก   เมื่อลูกนัตลูกแรกแตกด้วยดี   เขาก็แกล้งเอาลูกโตที่สุดมาให้ขบ  จนตุ๊กตาบีบเปลือกแข็งไม่ลง  หักออกมา 
ดรอสเซลเมเยอร์ไล่ตะเพิดฟริตซ์ออกจากห้องไป   เขาซ่อมตุ๊กตาให้คลาร่าจนเรียบร้อย
งานเลี้ยงจบลง แขกเหรื่อลากลับ   เจ้าของบ้านพาลูกๆซึ่งเหนื่อยอ่อนจากงาน ขึ้นนอน  บ้านตกอยู่ในความมืดและเงียบสงัด   พักใหญ่ต่อมาคลาร่าตื่นขึ้น นึกห่วงตุ๊กตานัตแครกเกอร์ที่ยังคงถูกทิ้งอยู่ใต้ต้นคริสต์มาสในห้องโถง     เธอก็ย่องลงมาหยิบตุ๊กตา   แล้วก็เผลอหลับไปบนเก้าอี้ยาวโดยมีตุ๊กตาอยู่ในวงแขน
เสียงนาฬิกาตีบอกเวลาเที่ยงคืน   ต้นคริสต์มาสและของขวัญอื่นๆเริ่มเคลื่อนไหวมีชีวิตขึ้นมา   ต้นคริสต์มาสเริ่มสูงขึ้นๆ  จนกระทั่งดันบ้านทั้งหลังให้ยกขึ้นหลุดลอยหายไป เหลือแต่
คลาร่ากับตุ๊กตานัตแครกเกอร์
เสียงเคลื่อนไหวของอะไรอย่างหนึ่ง เป็นฝูง  แห่กันเข้ามาใกล้    มันคือหนูที่ออกหากินตอนกลางคืน เป็นหนูตัวใหญ่น่าเกลียดน่ากลัว  นำขบวนโดยราชาแห่งหนูคลาร่าตื่นขึ้นมา  เธอตื่นตระหนก พยายามวิ่งหนี แต่ฝูงหนูก็เข้าล้อมเธอไว้
ในตอนนั้นเองตุ๊กตานัตแครกเกอร์มีชีวิตขึ้นมา เช่นเดียวกับตุ๊กตาทหารที่เป็นของขวัญคริสต์มาส  บรรดาตุ๊กตาก็เข้าป้องกันคลาร่าจากพวกหนู ราชาหนูนำพวกเข้าตะลุมบอนกันพวกนัตแครกเกอร์ เกิดการต่อสู้กันชุลมุนวุ่นวาย  ราชาหนูแทงนัตแครกเกอร์ด้วยดาบจนล้มลง คลาร่าถอดรองเท้าออกขว้างราชาหนู ถูกมันอย่างจัง ล้มลงขาดใจ พวกหนูเห็นหัวหน้าเสียทีก็พากันล่าถอยออกไปจากที่นั้นโดยแบกศพของราชาหนูออกไปด้วย   เหลือแต่คลาร่าซึ่งกอดนัตแครกเกอร์ร้องไห้คร่ำครวญด้วยความอาลัย น้ำตาของคลาร่าหยดลงถูกนัตแครกเกอร์   ตุ๊กตาก็ฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา
คำสาปเสื่อมมนตร์ขลังลงนับแต่ราชาหนูตาย    นัตแครกเกอร์กลายเป็นเจ้าชายรูปงาม ด้วยความยินดีปรีดาอย่างที่สุด  คลาร่ากับเจ้าชายนัตแครกเกอร์ก็เต้นรำกัน  เจ้าชายชวนคลาร่าออกเดินทางไปท่องเที่ยวในดินแดนแห่งเทพนิยาย ดินแดนแห่งแรกที่ไปถึงคือแดนหิมะ   ราชาและราชินีแห่งหิมะมาต้อนรับคลาร่าและเจ้าชาย ด้วยความชื่นชมยินดีในความกล้าหาญของคลาร่าที่ช่วยเจ้าชายให้พ้นคำสาป  ในช่วงครึ่งหลังนี้ไปจนจบเรื่อง เป็นความอลังการของเพลงและลีลาบัลเล่ต์ ที่ไชคอฟสกี้สร้างความตรึงตาตรึงใจให้ผู้ชมมาจนทุกวันนี้
พระราชาและราชินีหิมะ เชื้อเชิญคลาร่าและเจ้าชายนัตแครกเกอร์ไปเยือน "อาณาจักรของหวาน" ซึ่งในเมืองนั้น  ของหวาน ของว่าง และดอกไม้ต่างๆ ล้วนมีชีวิต ผู้ที่มาต้อนรับนางเอกของเรา ก็คือนางฟ้าแสนสวย Sugar Plum Fairy  เพลง Dance of the Sugar Plum Fairy เป็นเพลงคลาสสิคของไชคอฟสกี้ที่คุ้นหูกันที่สุดเพลงหนึ่งในแนวเดียวกัน
โดยเฉพาะเมื่อวอลท์ ดิสนีย์สร้างการ์ตูน Fantasia ขึ้น   เขานำเพลงในชุดนัตแครกเกอร์ไปประกอบงานการ์ตูนธรรมชาติแสนสวย    เพลงชุดนี้ก็ยิ่งระบือลือเลื่อง
ในตอนท้าย  คลาร่ากับเจ้าชายก็กลับขึ้นบนเลื่อน มีราชา ราชินี และทุกคนออกมาโบกมือลา แล้วคลาร่าก็ตื่นขึ้น พบว่าเธอฝันไปทั้งหมด แต่ก็เป็นฝันที่เธอจะจดจำไปตลอดชีวิต

วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

ข้อสอบ Pre-ONET พร้อมเฉลย วิชาคอมพิวเตอร์ : )

1.ธนาคารที่มีสาขาทั่วประเทศ ต้องจัดเก็บเอกสารแบบใด
.ตามตัวเลข
ข.ตามตัวอักษร
ค.ตามภูมิศาสตร์
ง.ตามชื่อสาขา


Ans  ค.


2.ทำไมอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จึงใช้ระบบเลขฐานสอง
ก.เนื่องจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ใช้ภาษาเครื่อง
ข.เนื่องจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ไม่เข้าใจภาษามนุษย์
ค.เนื่องจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็ดทรอนิกส์ที่ทำงานแบบแอนะล็อก
ง.เนื่องจากอุปกรณ์คอมพิวเตอร์เป็นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่ทำงานอบบดิจิทัลโดยใช้แรงดันไฟฟ้าแสดงสถานะเพียงสองสถานนะ


Ans  


3.กระบวนงานในข้อใดเกิดขึ้นเป็นสิ่งแรกเมื่อเปิเครื่องคอมพิวเตอร์
ก.เช็คสถานะของฮาร์ดแวร์
ข.โหลดระบบปฏิบัติการเข้าสู่หน่วยความจำหลัก
ค.หน่วยประมวลผลกลางประมวลชุดคำสั่งในหน่วยความจำหลักแบบแก้ไขได้ (RAM)
ง.หน่วยประมวลผลกลางประมวลชุดคำสั่งในหน่วยความจำหลักแบบอ่านได้อย่างเดียว(ROM)


Ans  


4.ข้อใดเป็นความหมายของโปรแกรมระดับสูง
ก.ภาษามนุษย์ที่ใช้สื่อสารกัน เช่น ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย เป็นต้น
ข.ภาษาที่ประกอบด้วยตัวเลขฐานสองซึ่งคอพิวเตอร์ใช้ประมวลผลได้ทันที
ค.ภาษาที่สร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกในการเขียนคำสั่งมาจากคำศัพท์ภาษาอังกฤษ
ง.ภาษาที่มีความใกล้เคียงกับภาษาเครื่องหรือที่เรียกว่า ภาษาอิงเครื่อง (machine-oriented language)


Ans  


5.ข้อใดเป็นระบบปฏิบัติการทั้งหมด
ก.Unix , Mac OS , Microsoft Office
ข.Linux , Windows , Mac OS , Symbian
ค.PDA , WWW, Linux , Windows
ง.BIOS , Symbian , IPX , RAM


Ans  ง

วันพุธที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2555

Let's say hello for 2012 : )


ขอสวัสดีอย่างเป็นทางการครั้งแรกของปี 2555(2012)และหวังว่าโลกจะยังสบายดีอยู่ไม่เป็นอะไรไปซ่ะก่อนจะได้สวัสดีปีใหม่ไปอีกนานๆหลายๆปี 
เรื่องอนาคตเป็นยังไงไม่รู้ แต่ปัจจุบันนี้ก็มีความสุขดี ก่อนจะปีใหม่แทบไม่ได้ดูเวลา เพราะมัวแต่จัดงานกีฬาสี 
ตอนแรกห้องสิบเออยู่กันสงบสุขมาก จนกระทั่ง....โดนธนูปักเข่า อื้ม...เริ่มนอกเรื่อง 
จนกระทั่งได้รู้ตัวว่าต้องจัดกีฬาสีแทนรุ่นพี่เกรดสิบสองเท่านั้นแหละ ช๊อคค่ะ ช๊อค งานกีฬาสีจะจัดวันศุกร์แล้ว ตอนที่รู้มันวันจันทร์ อื้ม..วันนี้วันจันทร์ พรุ่งนี้วันอังคาร ต่อจากอังคารก็พุธ ต่อจากพุธวันพฤหัส แล้วก็วันศุกร์ อุ้ย OMG อีกสี่วันเท่านั้น ! แม่เจ้าเตรียมงานสี่วัน จะรอดมั้ยเนี่ย วันนั้นหลังจากรู้เรื่องก็พยายามประสานงาน หาเชียร์ลีดเดอร์ หารายชื่อสมาชิกเด็กสีม่วง แล้วจากตอนนั้นห้องสิบเอก็กลายเป็นศูนย์บัญชาการย่อมๆของสีม่วงไปโดยปริยาย พอวันอังคารงานก็แลดูเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น มีการจัดเตรียมทำพร๊อพเครื่องประดับเป็นหูแมวสีม่วงแบบว่าน่ารักอ่ะ เริ่มมีการคิดคอนเซปของงาน ทำป้าย หาชุด ซ้อมการแสดง ประมานนั้นหละ ทุกอย่างวุ่นวายจนจำไม่ได้ว่าอาทิตย์นั้นทำอะไรไปบ้างแต่สุดท้ายงานก็ออกมาดี ดีกว่าที่คิดไว้เยอะ ทุกๆอย่างคงต้องขอบคุณเพื่อนทุกๆคนที่สามัคคีกันทำให้งานออกมาดี เพราะถ้าเวลามากกว่านี้แต่พวกเราไม่ทำอะไรกันเลย มันก็คงไม่มีค่า เสียดายที่อยู่ไม่ถึงตอนงานจบต้องไปต่างจังหวัดต่อ แม่พาไปสวดมนต์ข้ามปี แต่ว่าสวดไปหลับไป ตั้งแต่ห้าทุ่ม แหม จะมีประโยชน์มั้ยเนี่ย เผลอๆก็ปีใหม่อีกแล้ว เวลาผ่านไปใวเหมื่อนเดิม มาใวไปใว ขอให้ปีนี้มีความสุขเข้ามา อาจจะมีบางเวลาที่ท้อแท้หรือเป็นทุกข์บ้างแต่ยังไงก็ขอให้มีความสุขมากกว่าความทุกข์แบบเยอะๆเลยนะ : )

แล้วเจอกันใหม่โอกาศหน้า 
สวัสดี(ปีใหม่)


วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

รู้จักกันแบบไทยๆ

หลังจากที่แนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษไปแล้ว คราวนี้ขอภาษาไทยบ้าง
ชื่อ นส.ฐิติกาญจน์ มิตรไมตรี แต่เรียกอีฟดีกว่า
เิกิดวันที่ ๑๒ มกราคม พศ.๒๕๓๘ ณ กรุงเทพมหานคร และปัจจุบันก็ยังอยู่ที่กรุงเทพไม่ได้ไปไหน
เป็นคนไทย สัญชาติไทย และนับถือศาสนาพุทธ
สูง ๑๖๒ ซม. หนัก ๔๓ กก. เรียนอยู่ที่โรงเรียนสารสาสน์วิเทศนิมิตรใหม่ ตอนนี้อยู่เกรดสิบ
ความสามารถพิเศษ ? จุดเด่น? ข้ามไปก่อน

me and my friend : )



โปรดติดตามตอนต่อไป 
เพราะขี้เกียจเขียนต่อตอนนี้


that all about me

Bonjour ! 
for those who not know about me 
my name is Thitikarn Mitmaitri but you can call me eve,it's easier
i live in bangkok thailand with my family i have no brother or sister 
i was born here in thailand almost 16 years ago on 12 of january ,1996 
my nationality is thai and i am buddhism 
i'm now studying grade 10 here at sarasas witaed nimitmai school  

i'm not tall or short 
i'm not fat or skinny 
i'm just 162 cm tall and about 43 kg weight
i like to spend time on a book or movie. especially a good one if you have some good book or a movie you can shear it with me xD

i think that you know enough for today but if you wanna know more about me you can follow my another blog here

xoxo
eve !